Google กำลังอัปเกรดบริการแปลภาษายอดนิยมอย่างมีนัยสำคัญ โดยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเครื่องมือที่ใช้แปลข้อความได้โดยตรง คุณสมบัติใหม่นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ระหว่างการแปลที่รวดเร็วหรือการแปลที่แม่นยำด้วยโมเดลที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนยุทธศาสตร์สู่เครื่องมือขับเคลื่อนด้วย AI ที่ปรับแต่งได้และทรงพลังมากขึ้น
![]()  | 
|---|
| แอป Google Translate ที่แสดงฟีเจอร์ใหม่สำหรับการควบคุมของผู้ใช้ | 
ตัวเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้
ขณะนี้ Google Translate กำลังเปิดใช้ตัวเลือกเปลี่ยนโมเดลในแอปพลิเคชัน ซึ่งให้ผู้ใช้เป็นผู้เลือกได้โดยตรง โดยจะแสดงอยู่ใต้โลโก้ Google Translate ในรูปแบบปุ่มแสดงสถานะ ซึ่งจะแสดงว่าเปิดใช้งานโหมด ขั้นสูง หรือ เร็ว อยู่ โดยค่าเริ่มต้นแอปจะใช้โหมด ขั้นสูง ที่ Google ระบุว่ามอบความแม่นยำสูงสำหรับการแปลที่ซับซ้อน สำหรับผู้ที่เร่งด่วนหรือต้องการแปลประโยคง่ายๆ โหมด เร็ว ยังคงพร้อมใช้งาน ซึ่งอธิบายว่าเหมาะสำหรับการแปลแบบรวดเร็ว การอัปเดตครั้งนี้แสดงถึงการเคลื่อนตัวออกจากแนวทางแบบเดียวที่ใช้กับทุกสถานการณ์ โดยตระหนักว่าความต้องการในการแปลที่แตกต่างกันจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์การคำนวณที่แตกต่างกัน
โมเดลการแปลภาษาที่มีให้บริการ:
- โมเดลขั้นสูง: ขับเคลื่อนโดย Gemini มีความเชี่ยวชาญในการแปลที่มีความแม่นยำสูงสำหรับงานแปลที่ซับซ้อนและภาษาที่มีความละเอียดอ่อน
 - โมเดลเร็ว: โมเดลแบบดั้งเดิม เหมาะสำหรับงานแปลที่เรียบง่ายและต้องการความรวดเร็ว
 
พลังที่อยู่เบื้องหลังการแปลขั้นสูง
โหมด ขั้นใหม่ ใหม่นี้ขับเคลื่อนโดยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ Gemini ของ Google ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการทำความเข้าใจบริบทและความแตกต่างเชิงความหมาย การทดสอบเบื้องต้น เช่น การทดสอบโดย Engadget ที่ใช้ข้อความส่วนหนึ่งจากบทละครฝรั่งเศส แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่จับต้องได้ของการอัปเกรดนี้ ในขณะที่โหมด เร็ว แบบดั้งเดิมให้การแปลตามตัวอักษรแบบคำต่อคำ โหมด ขั้นสูง ที่ใช้ Gemini สามารถตีความสำนวนและความหมายตามบริบทได้สำเร็จ โดยให้ผลลัพธ์ที่ไม่เพียงถูกต้องทางภาษาแต่ยังสอดคล้องทางวัฒนธรรม ความสามารถนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการแปลข้อความยาว เอกสาร profesional หรืองานวรรณกรรมที่ความละเอียดอ่อนเป็นสิ่งสำคัญ
ข้อจำกัดในปัจจุบันและสถานะการเปิดตัว
แม้จะมีขีดความสามารถขั้นสูง แต่คุณสมบัติใหม่นี้ก็มาพร้อมกับข้อจำกัดในเบื้องต้น ตัวเลือกเปลี่ยนโมเดลปัจจุบันใช้ได้เฉพาะกับการแปลข้อความเท่านั้น และไม่มีผลกับคุณสมบัติการแปลแบบเรียลไทม์ เช่น โหมดการสนทนาหรือการแปลผ่านกล่าย นอกจากนี้ โหมด ขั้นสูง ที่มีความแม่นยำสูงปัจจุบันรองรับเฉพาะภาษาที่เลือกได้เท่านั้น โดยมีรายงานว่าสามารถใช้ได้เริ่มต้นสำหรับการแปลระหว่างภาษาอังกฤษกับสเปน และภาษาอังกฤษกับฝรั่งเศส การเปิดตัวเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และถูกพบครั้งแรกในเวอร์ชัน iOS ของแอป โดยคาดว่าความพร้อมใช้งานบน Android และสำหรับผู้ใช้ทั้งหมดจะตามมาในอีกไม่กี่วันและสัปดาห์ข้างหน้า
ข้อจำกัดสำคัญของโมเดลขั้นสูง:
- ฟังก์ชัน: รองรับเฉพาะการแปลข้อความเท่านั้น (ไม่รวมการแปลการสนทนาแบบสดหรือการแปลผ่านกล้อง)
 - การรองรับภาษา: ในช่วงแรกจะรองรับเฉพาะคู่ภาษาที่เลือกไว้ รวมถึง อังกฤษ-สเปน และ อังกฤษ-ฝรั่งเศส
 
ภูมิทัศน์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องของ AI ในการแปล
การอัปเดตครั้งนี้เป็นขั้นตอนล่าสุดในการบูรณาการ AI เข้าสู่ Google Translate อย่างยาวนาน บริษัทได้ทำการทดลองใช้การแปลด้วยเครื่องเชิงประสาทตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ก่อนหน้านี้ช่วยลดข้อผิดพลาดในการแปลได้โดยเฉลี่ย 60% การเปิดตัวตัวเลือกที่ใช้ Gemini อย่างชัดเจนยิ่งตอกย้ำการเปลี่ยนแปลงของ Google Translate สู่การเป็นแอปพลิเคชัน AI ที่สมบูรณ์แบบ และเป็นการตามหลังการอัปเดตล่าสุดอื่นๆ ที่เน้น AI เป็นศูนย์กลางสำหรับบริการนี้ รวมถึงเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้ฝึกฝนภาษาใหม่ๆ การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องนี้ส่งสัญญาณถึงความมุ่งมั่นของ Google ในการใช้ประโยชน์จากโมเดล AI ที่ทรงพลังที่สุดเพื่อแก้ปัญหาในการสื่อสารในโลกจริง ทำให้เครื่องมือภาษาที่ซับซ้อนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคน

