Google Chrome ขยายฟังก์ชัน Autofill ให้สามารถบันทึกข้อมูลใบขับขี่และพาสปอร์ตได้อย่างปลอดภัย

ทีมบรรณาธิการ BigGo
Google Chrome ขยายฟังก์ชัน Autofill ให้สามารถบันทึกข้อมูลใบขับขี่และพาสปอร์ตได้อย่างปลอดภัย

Google กำลังขยายขีดความสามารถของฟีเจอร์ Autofill ในเบราว์เซอร์ Chrome อย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมที่บันทึกเพียงรหัสผ่านและบัตรเครดิต มาเป็นการจัดการกับเอกสารส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนที่สุดบางส่วน ฟังก์ชันใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้การกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ในงานต่างๆ เช่น การเช่ารถและการจองท่องเที่ยว เป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น โดยเฉพาะในส่วนที่มักจะต้องกรอกเลขที่บัตรประจำตัว

ฟีเจอร์ Autofill ที่ได้รับการปรับปรุงของ Chrome เปิดตัวแล้ว

Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Autofill ที่ได้รับการปรับปรุงสำหรับเบราว์เซอร์ Chrome อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการอัปเกรดที่สำคัญสำหรับความสามารถในการกรอกแบบฟอร์มที่มีอยู่ แม้ Chrome จะสามารถจดจำรหัสผ่าน ที่อยู่ และข้อมูลการชำระเงินมาเป็นเวลานานแล้ว แต่การปรับปรุงครั้งนี้ทำให้สามารถบันทึกและกรอกข้อมูลประเภทที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนมากขึ้นได้อย่างปลอดภัย การเปิดตัวครั้งแรก ซึ่งได้รับการยืนยันตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2024 รวมถึงการรองรับเลขที่ใบขับขี่ เลขที่พาสปอร์ต เลขที่ป้ายทะเบียนรถ และเลขตัวถังรถ (VIN) การเปิดตัวในระดับโลกครั้งนี้รองรับทุกภาษา ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากของ Chrome สามารถเข้าถึงฟีเจอร์นี้ได้ตั้งแต่เริ่มต้น

ประเภทข้อมูลใหม่ที่รองรับโดยระบบกรอกข้อมูลอัตโนมัติที่ได้รับการปรับปรุง: หมายเลขใบอนุญาตขับขี่ หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขทะเบียนรถ หมายเลขประจำตัวรถยนต์ (VIN)

ฟังก์ชัน Autofill ใหม่ทำงานอย่างไร

Autofill ที่ได้รับการปรับปรุงนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและผู้ใช้เป็นผู้ควบคุม เมื่อคุณป้อนข้อมูลด้วยตนเอง เช่น เลขที่ใบขับขี่ของคุณลงในแบบฟอร์มเว็บที่รองรับเป็นครั้งแรก Chrome จะแสดงข้อความแจ้งถามว่าคุณต้องการบันทึกข้อมูลนี้หรือไม่ ข้อมูลนี้จะไม่ถูกบันทึกโดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้ต้องไปที่การตั้งค่าเบราว์เซอร์และเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้อย่างชัดเจนก่อน เมื่อเปิดใช้งานและบันทึกข้อมูลแล้ว เมนู dropdown ที่สะดวกจะปรากฏในช่องแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกข้อมูลที่ถูกต้องได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว คล้ายกับประสบการณ์การกรอก Autofill สำหรับที่อยู่ที่มีอยู่เดิม

เมนูแบบเลือกในฟีเจอร์การกรอกข้อมูลอัตโนมัติที่ได้รับการปรับปรุงของ Chrome ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกข้อมูลส่วนตัวที่ใช้บ่อยได้อย่างรวดเร็ว ทำให้กระบวนการกรอกแบบฟอร์มเป็นไปอย่างราบรื่น
เมนูแบบเลือกในฟีเจอร์การกรอกข้อมูลอัตโนมัติที่ได้รับการปรับปรุงของ Chrome ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกข้อมูลส่วนตัวที่ใช้บ่อยได้อย่างรวดเร็ว ทำให้กระบวนการกรอกแบบฟอร์มเป็นไปอย่างราบรื่น

การพิจารณาด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย

เนื่องจากลักษณะความละเอียดอ่อนของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง Google ได้เน้นย้ำว่า Autofill ที่ได้รับการปรับปรุงนี้ถูกสร้างขึ้นโดยให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเป็นอันดับแรก บริษัทระบุว่าข้อมูลที่บันทึกทั้งหมดถูกเข้ารหัส นอกจากนี้ ฟีเจอร์นี้ยังต้องใช้กระบวนการยินยอมสองขั้นตอน: ผู้ใช้ต้องเลือกเปิดใช้งานฟีเจอร์ในการตั้งค่าก่อน จากนั้นยืนยันอีกครั้งเมื่อได้รับการแจ้งให้บันทึกข้อมูลเฉพาะ เช่น เลขพาสปอร์ต Google ยังได้เปิดเผยอย่างโปร่งใสว่าการเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการแบ่งปัน URL ของเว็บไซต์และเนื้อหาแบบฟอร์มไปยังเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท เพื่อปรับปรุงความแม่นยำและประสิทธิภาพการทำงานของคำแนะนำการกรอกอัตโนมัติ

การประยุกต์ใช้จริงและประโยชน์สำหรับผู้ใช้

ประโยชน์เชิงปฏิบัติของการอัปเดตครั้งนี้เห็นได้ชัดเจนสำหรับผู้ที่ต้องกรอกแบบฟอร์มออนไลน์บ่อยๆ ใครก็ตามที่เคยเช่ารถออนไลน์ย่อมรู้ดีถึงความน่าหงุดหงิดเมื่อต้องคอยหยิบใบขับขี่ตัวจริงมาดูเลขที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือต้องเดินออกไปที่โรงจอดรถเพื่อตรวจสอบเลขป้ายทะเบียนอีกครั้ง ฟีเจอร์นี้ขจัดปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นโดยการแปลงข้อมูลให้เป็นดิจิทัลและจัดเก็บอย่างปลอดภัย มันสัญญาว่าจะทำให้การกรอกแบบฟอร์มของรัฐบาล เว็บไซต์ท่องเที่ยว และพอร์ทัลการลงทะเบียนรถเป็นประสบการณ์ที่รวดเร็วและราบรื่นยิ่งขึ้น พร้อมทั้งลดข้อผิดพลาดจากการป้อนข้อมูลด้วยตนเองไปในตัว

วิธีการเปิดใช้งาน Enhanced Autofill:

  1. คลิกที่เมนูสามจุดใน Chrome
  2. ไปที่ Settings > Autofill and passwords
  3. เลือก Enhanced autofill และเปิดสวิตช์

การพัฒนาต่อไปและการเปิดตัวในวงกว้าง

Google ได้ระบุว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นสำหรับฟีเจอร์ Autofill ที่ได้รับการปรับปรุงเท่านั้น บริษัทมีแผนที่จะขยายขอบเขตของประเภทข้อมูลที่รองรับในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แม้ว่าจะยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่าประเภทข้อมูลใหม่เหล่านั้นจะเป็นอะไรบ้าง ขณะนี้ฟีเจอร์ดังกล่าวสามารถใช้ได้บน Chrome เวอร์ชันเดสก์ท็อป และยังไม่มีคำแถลงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับว่าจะมีในเวอร์ชันมือถือของเบราว์เซอร์เมื่อใด หรือจะมีหรือไม่ การขยายตัวเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้วางตำแหน่งให้ Chrome เป็นเครื่องมือที่ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับการจัดการอัตลักษณ์ดิจิทัล โดยตอบโจทย์จุดที่ผู้ใช้มักพบเจอปัญหาบ่อยๆ ในการท่องเว็บโดยตรง