Vivo S50 Pro Mini เปิดตัวแล้ว: สมาร์ทโฟนขนาดกะทัดรัดทรงพลัง พร้อม Snapdragon 8 Gen 5 และแบตเตอรี่ความจุสูง

ทีมบรรณาธิการ BigGo
Vivo S50 Pro Mini เปิดตัวแล้ว: สมาร์ทโฟนขนาดกะทัดรัดทรงพลัง พร้อม Snapdragon 8 Gen 5 และแบตเตอรี่ความจุสูง

Vivo ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงขนาดกะทัดรัดล่าสุดอย่างเป็นทางการในจีน นั่นคือ Vivo S50 Pro Mini หลังจากที่มีข่าวลือมาหลายสัปดาห์ อุปกรณ์นี้ได้ยืนยันตำแหน่งของตัวเองในฐานะผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่รวบรวมสเปกสูงสุดไว้ในฟอร์มแฟคเตอร์ที่เล็กกว่า ท้าทายความคิดที่ว่ารุ่น "Mini" ต้องยอมลดทอนพลังหรือคุณสมบัติ การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นการอัปเดตที่สำคัญสำหรับซีรีส์ S ของ Vivo โดยนำเสนอดีไซน์ภาษาใหม่และชิปเซ็ตล่าสุดจาก Qualcomm มาให้ผู้บริโภคที่มองหาอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงในขนาดที่จับถือสะดวก

ดีไซน์และจอแสดงผล: กะทัดรัด ทันสมัย และทนทาน

Vivo S50 Pro Mini นำเสนอการปรับโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่ ห่างไกลจากสุนทรียภาพของรุ่นก่อนหน้า โดยตอนนี้มีแถบกล้องแนวนอนเด่นชัดที่ด้านหลัง ซึ่งคล้ายคลึงกับดีไซน์ล่าสุดอย่าง iPhone Air ตั้งอยู่บนโมดูลที่ยกสูงขึ้น ตัวเครื่องประกอบด้วยแผ่นหลังกระจกแบนและโครงโลหะเกรดอากาศยาน ส่งผลให้อุปกรณ์มีความหนา 8.1 มม. และมีน้ำหนักประมาณ 192 กรัม ความทนทานเป็นจุดสนใจหลัก โดยโทรศัพท์มีทั้งการรับรองมาตรฐาน IP68 และ IP69 สำหรับการกันน้ำและฝุ่นที่แข็งแกร่ง ด้านหน้าของโทรศัพท์เป็นจอแสดงผลแบบแบน LTPO AMOLED ขนาด 6.31 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2640 x 1216 พิกเซล) และอัตรารีเฟรชที่ลื่นไหล 120Hz จอแสดงผลมีความสว่างที่น่าประทับใจ สามารถทำความสว่างสูงสุดได้ถึง 5000 นิต และมีฟีเจอร์ดูแลสายตาอย่างเช่นการหรี่ไฟแบบ PWM 4320Hz สแกนเนอร์ลายนิ้วมืออัลตราโซนิกในจอแสดงผลช่วยให้การยืนยันตัวตนปลอดภัยและรวดเร็ว

ข้อมูลจำเพาะหลักของ Vivo S50 Pro Mini

คุณสมบัติ รายละเอียด
หน้าจอ 6.31 นิ้ว แบบราบ LTPO AMOLED, 1.5K (2640x1216), 120Hz, ความสว่างสูงสุด 5000 นิต
ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 5
หน่วยความจำ/ที่เก็บข้อมูล สูงสุด 16GB LPDDR5X / สูงสุด 1TB UFS 4.1
กล้องหลัง 50MP หลัก (OIS) + 50MP เทเลโฟโต้แบบเพอริสโคป (ซูม 3x, OIS) + 8MP อัลตร้าไวด์
กล้องหน้า 50MP
แบตเตอรี่และการชาร์จ 6,500mAh, ชาร์จสาย 90W, ชาร์จไร้สาย 40W
ความทนทาน ได้รับการรับรอง IP68 & IP69
ระบบปฏิบัติการ OriginOS 6 (บนพื้นฐาน Android 16)
การเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4
คุณสมบัติอื่นๆ ลายนิ้วมืออัลตราโซนิก, มอเตอร์แบบเส้นตรงแกน X, ลำโพงสเตอริโอ
ขนาด/น้ำหนัก หนา 8.1 มม., ~192 กรัม

ประสิทธิภาพและฮาร์ดแวร์: ไม่มีข้อประนีประนอมในแพ็คเกจขนาดเล็ก

ท้าทายคำว่า "Mini" ของตัวเอง Vivo S50 Pro Mini ติดตั้งโปรเซสเซอร์เรือธงจาก Qualcomm อย่าง Snapdragon 8 Gen 5 ซึ่งแสดงถึงการก้าวกระโดดข้ามรุ่นจาก Dimensity 9300+ ที่พบในรุ่นก่อนหน้า ชิปเซ็ตนี้จับคู่กับ RAM แบบ LPDDR5X Ultra สูงสุด 16GB และที่เก็บข้อมูลแบบ UFS 4.1 สูงสุด 1TB ในคอนฟิกสูงสุด เพื่อรับรองประสิทธิภาพระดับเรือธงสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการทรัพยากรสูงและการทำงานหลายงานพร้อมกัน บางทีสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจที่สุดคือการรวมแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 6,500mAh ซึ่งถือว่ามากเป็นพิเศษสำหรับอุปกรณ์ขนาดนี้ โดยรองรับการชาร์จเร็วแบบมีสาย 90W และการชาร์จไร้สายเร็ว 40W อุปกรณ์นี้ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ครบครันด้วยลำโพงสเตอริโอคู่ มอเตอร์สั่นสะเทือนแบบลิเนียร์แกน X สำหรับฟีดแบ็กสัมผัสที่แม่นยำ, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และมาพร้อมกับ OriginOS 6 ที่ใช้ Android 16 เป็นพื้นฐาน

ระบบกล้อง: ความสามารถการถ่ายภาพที่หลากหลาย

Vivo ได้ติดตั้ง Vivo S50 Pro Mini ด้วยอาร์เรย์กล้องสามตัวที่หลากหลาย ซึ่งดูเหมือนจะใช้เซ็นเซอร์ที่มีความสามารถจากรุ่นก่อนหน้า กล้องหลักเป็นเซ็นเซอร์ 50MP พร้อมระบบกันสั่นแบบออปติคัล (OIS) และรูรับแสงกว้าง f/1.57 คู่กับเลนส์เทเลโฟโต้เพอริสโคป Sony IMX882 50MP ซึ่งให้ซูมออปติคัล 3x พร้อม OIS ซึ่งเป็นฟีเจอร์พรีเมียมสำหรับโทรศัพท์ขนาดกะทัดรัด ส่วนประกอบสุดท้ายของชุดหลังคือเลนส์มุมกว้างพิเศษ 8MP พร้อมมุมมอง 110 องศาและระบบโฟกัสอัตโนมัติ สำหรับเซลฟี่และการโทรวิดีโอ มีกล้องหน้า 50MP อยู่ในช่องเจาะรูบนจอแสดงผล

ราคา ความพร้อมจำหน่าย และโอกาสในตลาดโลก

Vivo S50 Pro Mini มีจำหน่ายในจีนในสามสี ได้แก่ Confession White, Inspiration Purple และ Deep Space Black โดยมาพร้อมคอนฟิกที่เก็บข้อมูลหลายแบบด้วยราคาดังนี้: รุ่น 12GB + 256GB ราคา 3,699 หยวน (ประมาณ 524 ดอลลาร์สหรัฐ), รุ่น 12GB + 512GB ราคา 3,999 หยวน (ประมาณ 567 ดอลลาร์สหรัฐ) และรุ่นสูงสุด 16GB + 1TB ราคา 4,299 หยวน (ประมาณ 609 ดอลลาร์สหรัฐ) อุปกรณ์นี้มีจำหน่ายผ่านช่องทางทางการของ Vivo ในจีน แม้ว่าจะยังไม่ได้ประกาศวันเปิดตัวในตลาดโลกอย่างเป็นทางการ แต่ข่าวลือในอุตสาหกรรมชี้ให้เห็นว่าอุปกรณ์นี้อาจถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Vivo X300 FE สำหรับตลาดต่างประเทศ