การปิดร้าน Walgreens สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ค้าปลีกและพฤติกรรมผู้บริโภค

ทีมบรรณาธิการ BigGo
การปิดร้าน Walgreens สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ค้าปลีกและพฤติกรรมผู้บริโภค

การประกาศปิดร้าน Walgreens จำนวน 1,200 สาขาในสหรัฐอเมริกา ได้จุดประเด็นการถกเถียงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจร้านขายยาและพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล เสียงสะท้อนจากชุมชนชี้ว่าการปิดร้านครั้งนี้อาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัญหาการโจรกรรมอย่างที่มักถูกกล่าวอ้าง แต่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในวิธีการซื้อสินค้าและการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของผู้คน

บทบาทที่เปลี่ยนแปลงของร้านขายยา

ร้านขายยาแบบดั้งเดิมกำลังเผชิญความท้าทายหลายด้านในการรักษาความสำคัญในตลาดปัจจุบัน จากการพูดคุยในชุมชน ร้านเหล่านี้กำลังประสบปัญหา:

  • จำนวนลูกค้าที่ลดลง ในพื้นที่ใจกลางเมืองเนื่องจากเทรนด์การทำงานจากที่บ้าน
  • ** การแข่งขันจากบริการจ่ายยาทางเลือก** รวมถึงร้านขายยาทางไปรษณีย์และร้านค้าปลีกขนาดใหญ่อย่าง Costco, Walmart และ Target
  • ** แรงกดดันจากอีคอมเมิร์ซ** ต่อยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่ยา
  • ** ความไม่มีประสิทธิภาพในการดำเนินงาน** โดยเฉพาะด้านพนักงานและการบริการลูกค้า

ปัญหาด้านคุณภาพการบริการ

สมาชิกในชุมชนได้ชี้ให้เห็นปัญหาการดำเนินงานที่สำคัญซึ่งอาจส่งผลต่อความยากลำบากของ Walgreens:

  • การขาดแคลนพนักงานเรื้อรังทั้งในส่วนค้าปลีกและเภสัชกรรม
  • ระยะเวลารอรับยาที่นาน
  • ความหลากหลายของสินค้าที่จำกัด
  • ราคาที่สูงกว่าคู่แข่ง
  • การเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย (เช่น ตู้แสดงสินค้าที่ล็อกกุญแจ) ส่งผลต่อประสบการณ์การซื้อสินค้า

เรื่องราวเกี่ยวกับการโจรกรรม

แม้ว่าการโจรกรรมจะถูกอ้างว่าเป็นปัญหาสำคัญ แต่ดูเหมือนว่าประเด็นนี้จะถูกกล่าวเกินจริง ในต้นปี 2023 CFO ของ Walgreens เองก็ยอมรับว่าบริษัทอาจจะพูดถึงปัญหาการสูญหายของสินค้ามากเกินไป ซึ่งบ่งชี้ว่าการปิดร้านในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับความท้าทายทางธุรกิจในวงกว้างมากกว่าปัญหาด้านความปลอดภัย

บริบททางการเงิน

การปิดร้านเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การฟื้นฟูธุรกิจ โดย Walgreens มีร้านค้าประมาณ 8,500 สาขาในสหรัฐอเมริกา สถานการณ์ทางการเงินของบริษัทกำลังเผชิญความท้าทาย:

  • มูลค่าหุ้นลดลงเกือบสองในสามในปีที่ผ่านมา
  • ขาดทุนสุทธิกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด
  • บริษัทลดการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น
  • คาดการณ์กำไรที่ปรับปรุงแล้วสำหรับปีงบประมาณ 2025 อยู่ระหว่าง 1.40 ถึง 1.55 ดอลลาร์ต่อหุ้น

นัยสำคัญในอนาคต

การปรับโครงสร้างครั้งนี้บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่กว้างขึ้นในวิธีการให้บริการด้านสุขภาพและค้าปลีกในอนาคต เมื่อผู้บริโภคหันไปใช้โซลูชันดิจิทัลและผู้ให้บริการทางเลือกมากขึ้น ร้านขายยาแบบดั้งเดิมอาจจำเป็นต้องคิดใหม่เกี่ยวกับโมเดลธุรกิจของตนเองอย่างถึงรากถึงโคนเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในภูมิทัศน์ค้าปลีกที่กำลังเปลี่ยนแปลง