Thomas Dohmke ซีอีโอของ GitHub ประกาศลาออกจากแพลตฟอร์มโฮสต์โค้ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อไปสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ การลาออกของเขาถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับ GitHub ซึ่งจะเข้าไปดำเนินงานภายใต้องค์กร CoreAI ของ Microsoft โดยตรง แทนที่จะรักษาโครงสร้างเดิมที่มีตำแหน่ง CEO เฉพาะ
Dohmke ซึ่งย้ายจากเยอรมนีมายังสหรัฐอเมริกาเมื่อกว่าทศวรรษที่แล้วหลังจาก Microsoft เข้าซื้อสตาร์ทอัพของเขา ได้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลง GitHub ในยุค AI ภายใต้การนำของเขา GitHub ได้เปิดตัวและขยาย Copilot จากเครื่องมือเติมโค้ดธรรมดาให้กลายเป็นผู้ช่วยพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างครอบคลุม ซึ่งให้บริการผู้ใช้กว่า 20 ล้านคน
รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงผู้นำ
- Thomas Dohmke ลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ GitHub
- จะไม่มีการแต่งตั้ง CEO คนใหม่มาแทนที่
- GitHub จะย้ายไปอยู่ภายใต้องค์กร CoreAI ของ Microsoft
- Dohmke จะอยู่ต่อจนสิ้นปี 2025 เพื่อการเปลี่ยนผ่าน
- มีแผนจะเริ่มธุรกิจใหม่หลังจากออกจากตำแหน่ง
การรวม GitHub เข้าสู่กลยุทธ์ AI ของ Microsoft
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือตำแหน่งองค์กรใหม่ของ GitHub ภายในฝ่าย CoreAI ของ Microsoft การเคลื่อนไหวนี้ส่งสัญญาณว่า Microsoft มอง GitHub เป็นแพลตฟอร์ม AI เป็นหลัก มากกว่าเป็นเพียงบริการเก็บโค้ด บริษัทได้ตัดสินใจไม่แต่งตั้งคนใหม่มาแทนตำแหน่ง CEO ของ Dohmke แต่จะรวมการดำเนินงานของ GitHub เข้ากับโครงการ AI ที่กว้างขึ้นของ Microsoft โดยตรง
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างนี้สะท้อนถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ AI ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ GitHub Copilot ได้กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ AI ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Microsoft โดยสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญและเปลี่ยนแปลงวิธีที่นักพัฒนาเขียนโค้ด ปัจจุบันแพลตฟอร์มประมวลผลเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติกว่า 3 พันล้านนาทีต่อเดือนผ่าน GitHub Actions ซึ่งเพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ความกังวลของชุมชนเกี่ยวกับ AI และความเป็นเจ้าของโค้ด
ชุมชนนักพัฒนามีปฏิกิริยาที่หลากหลายต่อทิศทางที่เน้น AI ของ GitHub นักพัฒนาหลายคนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับวิธีที่ GitHub ฝึกโมเดล AI โดยใช้ที่เก็บโค้ดที่เปิดให้ใช้งานสาธารณะ ความกังวลเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่ว่าการใช้โค้ดโอเพ่นซอร์สสำหรับการฝึก AI ถือเป็นการใช้งานที่เป็นธรรมหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเครื่องมือ AI ที่ได้จากการฝึกนั้นถูกขายเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์
สมาชิกชุมชนบางคนกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงของ GitHub ภายใต้ Microsoft ได้หันเหออกจากภารกิจเดิมในฐานะแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันสำหรับนักพัฒนา พวกเขาชี้ไปที่การเปลี่ยนแปลงอินเทอร์เฟซ ปัญหาประสิทธิภาพ และสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นฟีเจอร์เกมมิฟิเคชันที่ไม่จำเป็น ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงลักษณะของแพลตฟอร์มไปตลอดหลายปี
ประสิทธิภาพและวิวัฒนาการของแพลตฟอร์ม
ผู้ใช้ GitHub ที่ใช้งานมานานได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานของแพลตฟอร์ม อินเทอร์เฟซเว็บได้วิวัฒนาการจากการออกแบบที่เรียบง่ายและเร็วกว่าไปสู่แอปพลิเคชันหน้าเดียวที่ซับซ้อนกว่า ซึ่งผู้ใช้บางคนรู้สึกว่าช้าลงและตอบสนองน้อยลง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สะท้อนถึงความพยายามของ GitHub ในการเปลี่ยนจากบริการโฮสต์โค้ดพื้นฐานไปสู่สภาพแวดล้อมการพัฒนาที่ครอบคลุม
แม้จะมีความกังวลเหล่านี้ GitHub ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันแพลตฟอร์มมีนักพัฒนากว่า 150 ล้านคน และเห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษในโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีที่ผ่านมา ฟีเจอร์ความปลอดภัยของ GitHub ก็ได้พัฒนาไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยการตรวจจับช่องโหว่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยลดเวลาการแก้ไขลง 60%
สstatistik แพลตฟอร์ม GitHub
- นักพัฒนามากกว่า 150 ล้านคน
- repositories และ forks มากกว่า 18 ล้าน
- GitHub Copilot : ผู้ใช้งานมากกว่า 20 ล้านคน
- GitHub Actions : ประมวลผลมากกว่า 3 พันล้านนาทีต่อเดือน (เติบโตร้อยละ 64 เมื่อเทียบกับปีก่อน)
- โครงการ AI เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีที่ผ่านมา
- การปรับปรุงด้านความปลอดภัย: ลดเวลาการแก้ไขช่องโหว่ลงร้อยละ 60
มองไปข้างหน้า
Dohmke วางแผนจะอยู่กับ GitHub จนถึงสิ้นปี 2025 เพื่อช่วยจัดการการเปลี่ยนผ่านก่อนที่จะเปิดตัวกิจการใหม่ของเขา การจากไปของเขาเกิดขึ้นในช่วงที่ GitHub บรรลุขนาดและอิทธิพลที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกการพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ก็เผชิญกับคำถามเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตภายใต้การรวมตัวกับ Microsoft ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
การเคลื่อนไหวนี้บ่งชี้ว่า Microsoft มองคุณค่าของ GitHub เป็นหลักในความสามารถด้าน AI และข้อมูลนักพัฒนา มากกว่าเป็นแพลตฟอร์มอิสระ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเปลี่ยนแปลงวิธีที่นักพัฒนาโต้ตอบกับบริการและบทบาทที่มีในระบบนิเวศการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่กว้างขึ้นอย่างพื้นฐาน
อ้างอิง: Auf Wiedersehen, GitHub