Battlefield 6 ตัดเทคโนโลยี Ray Tracing เพื่อให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพสำหรับผู้เล่นที่ใช้สเปคขั้นต่ำ

ทีมบรรณาธิการ BigGo
Battlefield 6 ตัดเทคโนโลยี Ray Tracing เพื่อให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพสำหรับผู้เล่นที่ใช้สเปคขั้นต่ำ

Battlefield 6 ที่กำลังจะเปิดตัวของ EA กำลังใช้แนวทางที่แตกต่างจากเกมในยุคปัจจุบันโดยการตัดเทคโนโลยี ray tracing ออกไปโดยเจตนาเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีประสิทธิภาพที่เหมาะสมในฮาร์ดแวร์หลากหลายรูปแบบ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์นี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของนักพัฒนาที่จะให้ความสำคัญกับการเข้าถึงได้และการเล่นเกมแบบแข่งขันมากกว่าฟีเจอร์ภาพที่ล้ำสมัย

ตัวละครเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ในโลกที่เข้มข้นของ Battlefield 6 เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเกมต่อการเล่นเกมแบบแข่งขัน
ตัวละครเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ในโลกที่เข้มข้นของ Battlefield 6 เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเกมต่อการเล่นเกมแบบแข่งขัน

ประสิทธิภาพได้รับความสำคัญมากกว่าคุณภาพภาพ

Christian Buhl ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของสตูดิโอที่ Ripple Effect (เดิมชื่อ DICE LA) ยืนยันว่า ray tracing จะไม่มีให้ใช้งานตอนเปิดตัวและไม่มีแผนการนำมาใช้ในอนาคตอันใกล้ ทีมพัฒนาตัดสินใจเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงต้นของรอบการผลิตเพื่อมุ่งเน้นความพยายามในการปรับแต่งให้ส่งมอบประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอสำหรับผู้เล่นทุกคน แนวทางนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเกมก่อนหน้าในแฟรนไชส์ เนื่องจาก Battlefield V เป็นหนึ่งในเกมแรกๆ ที่รองรับการสะท้อนแสงแบบ ray-traced ในปี 2018 และ Battlefield 2042 มีฟีเจอร์ ray-traced ambient occlusion

ประวัติการใช้ Ray Tracing ในซีรีส์ Battlefield :

  • Battlefield V (2018): เกมแรกที่รองรับการสะท้อนแสงแบบ ray-traced
  • Battlefield 2042: มีฟีเจอร์ ray-traced ambient occlusion
  • Battlefield 6: ไม่มีแผนรองรับ ray tracing

สเปคขั้นต่ำกลายเป็นความสำคัญสูงสุด

การวิเคราะห์ของนักพัฒนาเผยให้เห็นว่าผู้เล่นในช่วงเบต้าจำนวนมากกำลังเล่นเกมด้วยสเปคขั้นต่ำหรือแม้กระทั่งต่ำกว่าข้อกำหนดที่แนะนำ ข้อมูลนี้ขับเคลื่อนปรัชญาของทีมที่ว่าสเปคขั้นต่ำควรจะเป็นตัวแทนของมาตรฐานประสิทธิภาพที่เล่นได้จริงแทนที่จะเป็นเฟรมเรตที่แทบจะใช้งานไม่ได้ Buhl เน้นย้ำว่าทั้งจากมุมมองเชิงพาณิชย์และธุรกิจ การดึงดูดผู้เล่น PC ให้ได้มากที่สุดเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของเกม

ข้อมูลการเปิดตัว:

  • วันที่เปิดตัว: 10 ตุลาคม 2025
  • แพลตฟอร์ม: PC, PlayStation 5, Xbox Series S|X
  • สถานะเบต้า: การมีส่วนร่วมในเบต้าสูงสุดในประวัติศาสตร์แฟรนไชส์ Battlefield

ความท้าทายในการพัฒนาและการประนีประนอม

การบรรลุแนวทางที่เน้นประสิทธิภาพนี้ต้องใช้ความพยายามในการพัฒนาอย่างมากและการประนีประนอมอย่างสร้างสรรค์ ทีมต้องออกแบบแผนที่ใหม่และทำงานอย่างใกล้ชิดกับศิลปินและศิลปินด้านเทคนิคเพื่อปรับแต่งสภาพแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น กระบวนการร่วมมือนี้ทำให้มั่นใจว่าไม่ว่าผู้เล่นจะใช้สเปคขั้นต่ำหรือสเปคสูงสุด พวกเขาจะได้รับประสบการณ์การเล่นเกมตามเป้าหมายโดยไม่มีปัญหาคอขวดด้านประสิทธิภาพ

การรองรับฮาร์ดแวร์เกมสมัยใหม่

แม้จะไม่มี ray tracing แต่ Battlefield 6 ก็ยังรวมเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพสมัยใหม่เอาไว้ ผู้ใช้ NVIDIA GeForce สามารถใช้ฟีเจอร์ DLSS Super Resolution, Frame Generation และ Multi Frame Generation ผู้ใช้ AMD สามารถเข้าถึง FSR 3 พร้อม FSR Frame Generation ในขณะที่ผู้ใช้ Intel สามารถเปิดใช้งาน XeSS พร้อม XeSS Frame Generation เทคโนโลยีเหล่านี้ให้ประสิทธิภาพเพิ่มเติมโดยไม่ต้องใช้การ์ดกราฟิกระดับไฮเอนด์ล่าสุด

เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพที่รองรับตามแพลตฟอร์ม:

  • NVIDIA GeForce: DLSS Super Resolution, Frame Generation, Multi Frame Generation
  • AMD: FSR 3 พร้อม FSR Frame Generation
  • Intel: XeSS พร้อม XeSS Frame Generation

การตอบรับจากตลาดและกำหนดการเปิดตัว

กลยุทธ์ที่เน้นประสิทธิภาพดูเหมือนจะได้รับการตอบสนองที่ดีจากผู้เล่น เนื่องจากช่วงการทดสอบเบต้ากลายเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์แฟรนไชส์ Battlefield การตอบรับเชิงบวกนี้ยืนยันการตัดสินใจของนักพัฒนาที่จะให้ความสำคัญกับการเข้าถึงได้มากกว่าฟีเจอร์ภาพระดับพรีเมียม เกมกำหนดเปิดตัวในวันที่ 10 ตุลาคม 2025 บนแพลตฟอร์ม PC, PlayStation 5 และ Xbox Series S|X โดยยังคงรักษาความมุ่งมั่นในการรองรับฮาร์ดแวร์หลากหลายในขณะที่ส่งมอบประสบการณ์การเล่นแบบผู้เล่นหลายคนแบบแข่งขัน