ค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำผลักดันวิกฤตการเข้าถึงทั่วโลก ขณะที่ 2 พันล้านคนยังขาดน้ำดื่มที่ปลอดภัย

ทีมชุมชน BigGo
ค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำผลักดันวิกฤตการเข้าถึงทั่วโลก ขณะที่ 2 พันล้านคนยังขาดน้ำดื่มที่ปลอดภัย

วิกฤตน้ำทั่วโลกส่งผลกระทบต่อผู้คนเกือบ 2 พันล้านคนทั่วโลก แต่ความท้าทายไม่ได้อยู่แค่การขุดบ่อน้ำหรือติดตั้งเครื่องกรองน้ำเท่านั้น การอภิปรายในชุมชนเผยให้เห็นว่าอุปสรรคที่แท้จริงอยู่ที่เศรษฐศาสตร์ที่ซับซ้อนและการตัดสินใจทางวิศวกรรมเบื้องหลังระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ

ความก้าวหน้าในการเข้าถึงน้ำ (2000-2022):

  • ประชากร 2.1 พันล้านคนได้รับการเข้าถึงน้ำดื่มที่มีการจัดการอย่างปลอดภัย
  • ประชากรที่ขาดบริการน้ำดื่มขั้นพื้นฐานลดลงจาก 1.2 พันล้านคนเหลือ 703 ล้านคน
  • จำนวนรวมทั่วโลกในปัจจุบันที่ไม่มีการเข้าถึงน้ำที่ปลอดภัย: ~2 พันล้านคน

เศรษฐศาสตร์ของระบบน้ำหลายระดับ

หนึ่งในแนวทางแก้ไขที่ถูกถกเถียงมากที่สุดคือการสร้างระบบน้ำแยกสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกัน ตรรกะดูเหมือนจะตรงไปตรงมา คนเราต้องการน้ำสะอาดเพียงประมาณ 2 ลิตรต่อวันสำหรับการดื่ม ในขณะที่การล้างต้องการประมาณ 200 ลิตร และการเกษตรต้องการประมาณ 2,000 ลิตรต่อคนที่ได้รับการเลี้ยงดู อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงของโครงสร้างพื้นฐานเล่าเรื่องที่แตกต่างออกไป

การสร้างระบบท่อคู่ - หนึ่งสำหรับน้ำดื่มและอีกหนึ่งสำหรับการใช้งานทั่วไป - มักจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการบำบัดน้ำทั้งหมดให้ได้มาตรฐานน้ำดื่ม ส่วนที่แพงไม่ใช่การบำบัดน้ำเอง แต่เป็นการวางท่อ การบำรุงรักษาระบบ และการรับประกันการจัดจำหน่ายที่เชื่อถือได้ ความเป็นจริงทางเศรษฐกิจนี้อธิบายได้ว่าทำไมหลายประเทศจึงเลือกระบบเดียวที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดเสริม หรือยอมรับน้ำประปาที่ไม่สามารถดื่มได้เป็นมาตรฐาน

การใช้น้ำประจำวันแยกตามวัตถุประสงค์:

  • การดื่ม: ประมาณ 2 ลิตรต่อวัน
  • การทำอาหาร: ประมาณ 20 ลิตรต่อวัน
  • การล้าง: ประมาณ 200 ลิตรต่อวัน
  • การเกษตร: ประมาณ 2,000 ลิตรต่อวันต่อคนที่เลี้ยงดู

แนวทางแก้ไขง่าย ๆ เผชิญกับอุปสรรคที่ซับซ้อน

แม้จะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การกรองน้ำขั้นพื้นฐานยังคงเข้าถึงได้อย่างน่าประหลาด เครื่องกรองน้ำที่มีราคาประมาณ 10 ดอลลาร์ สหรัฐฯ สามารถให้บริการครอบครัวได้หลายปี ในขณะที่ระบบ reverse osmosis ขั้นสูงต้องการเพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์สำหรับการใช้งานในครัวเรือนระยะยาว บางภูมิภาคได้นำแนวทางสร้างสรรค์มาใช้ เช่น เครื่องจำหน่ายน้ำที่กระจายค่าใช้จ่ายทั่วชุมชน

แต่แนวทางแก้ไขเหล่านี้มักจะขัดแย้งกับปัญหาระบบที่ใหญ่กว่า เมื่อบริษัทนานาชาติหรือรัฐบาลเข้ามาสร้างโครงสร้างพื้นฐาน บางครั้งพวกเขาสร้างความสัมพันธ์การพึ่งพาที่ทำให้น้ำมีราคาแพงกว่าแหล่งน้ำที่ไม่ปลอดภัยในอดีต สิ่งนี้นำไปสู่สถานการณ์ที่ชุมชนสูญเสียการเข้าถึงแหล่งน้ำธรรมชาติ ในขณะที่ไม่สามารถจ่ายค่าทางเลือกที่ดีขึ้นได้

การเปรียบเทียบต้นทุนการบำบัดน้ำ:

  • เครื่องกรองน้ำพื้นฐาน: ประมาณ $10 USD (สำหรับครอบครัวใช้หลายปี)
  • ระบบ reverse osmosis ขั้นสูง: หลายร้อยดอลลาร์ USD (สำหรับครอบครัวใช้หลายปี)
  • ต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน: การวางท่อและการบำรุงรักษามักจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าต้นทุนการบำบัด
กลุ่มสมาชิกชุมชนแสดงให้เห็นความสำคัญของความพยายามร่วมกันในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาการเข้าถึงน้ำอย่างสร้างสรรค์
กลุ่มสมาชิกชุมชนแสดงให้เห็นความสำคัญของความพยายามร่วมกันในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาการเข้าถึงน้ำอย่างสร้างสรรค์

ปัญหาแรงดัน

ข้อมูลเชิงลึกทางเทคนิคที่สำคัญจากการอภิปรายในชุมชนเน้นย้ำว่าทำไมระบบน้ำหลายแห่งจึงล้มเหลวในการจัดหาน้ำดื่มที่ปลอดภัย เมื่อแรงดันน้ำลดลงเหลือศูนย์ - แม้แต่ชั่วครู่เนื่องจากไฟฟ้าดับหรือการบำรุงรักษาระบบ - น้ำใต้ดินที่ปนเปื้อนและน้ำเสียสามารถซึมเข้าไปในท่อจำหน่ายได้ สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไมประเทศที่มีระบบไฟฟ้าไม่เสถียรจึงดิ้นรนในการรักษาน้ำประปาที่ปลอดภัย โดยไม่คำนึงถึงความสามารถในการบำบัดของพวกเขา

น้ำประปาที่ดื่มไม่ได้ส่วนใหญ่เกิดจากน้ำไม่มีให้บริการ 24 ชั่วโมง 7 วัน 365 วัน หากระบบน้ำถูกปิดแม้แต่ชั่วครู่ แรงดันจะลดลงเหลือศูนย์ และน้ำเสียและน้ำใต้ดินจะซึมเข้าไปในท่อน้ำ ทำให้ไม่ปลอดภัยที่จะดื่ม

ความก้าวหน้าแม้จะมีความท้าทาย

ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นการปรับปรุงที่สำคัญในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ระหว่างปี 2000 และ 2022 ผู้คนประมาณ 2.1 พันล้านคนได้รับการเข้าถึงน้ำดื่มที่จัดการอย่างปลอดภัย ในขณะที่ผู้ที่ขาดบริการน้ำขั้นพื้นฐานลดลงจาก 1.2 พันล้านเหลือ 703 ล้านคน ความก้าวหน้านี้แสดงให้เห็นว่าแนวทางแก้ไขมีอยู่และได้ผลเมื่อนำไปใช้อย่างเหมาะสม

เส้นทางข้างหน้าต้องการความสมดุลระหว่างความต้องการเร่งด่วนกับการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว ในขณะที่การต้มน้ำและการกรองขั้นพื้นฐานสามารถแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนบางอย่างได้ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาโลหะหนักหรือสารปนเปื้อนทางเคมีที่กลับกลายเป็นเข้มข้นมากขึ้นผ่านการต้ม

วิกฤตน้ำทั่วโลกยังคงดำเนินต่อไปไม่ใช่เพราะแนวทางแก้ไขไม่มีอยู่ แต่เพราะการนำไปใช้ต้องการการนำทางผ่านความท้าทายทางเศรษฐกิจ การเมือง และเทคนิคที่ซับซ้อนซึ่งแตกต่างกันอย่างมากในภูมิภาคและชุมชนต่าง ๆ

อ้างอิง: Two billion people don't have safe drinking water: what does this really mean for them?